วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

รูปลักษณะ

รูปลักษณะ
             ร่องลึกก้นสมุทรเป็นลักษณะทางกายภาพที่ชัดเจนของขอบแผ่นเปลือกโลกที่เคลื่อนที่ลู่เข้าหากัน ภาพตัดขวางผ่านร่องลึกก้นสมุทรแสดงลักษณะที่ไม่สมมาตรที่มีการเอียงเทไปทางด้านทะเลประมาณ 5 องศาและเอียงเทไปทางด้านแผ่นดินที่มีความชันกว่าคือประมาณ 10 – 16 องศา ความไม่สมมาตรนี้เกิดขึ้นเนื่องมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าด้านนอกของการเอียงเทถูกกำหนดโดยส่วนบนสุดของแผ่นเปลือกโลกใต้สมุทรที่กำลังมุดตัวลงไปซึ่งจะต้องโค้งงอในช่วงต้นๆของการมุดตัวต่ำลง ส่วนที่หนามากๆของส่วนธรณีภาคชั้นนอกต้องการการโค้งงอเล็กน้อย ขณะที่การมุดตัวเข้าถึงร่องลึกก้นสมุทรการโค้งงอครั้งแรกจะยกตัวขึ้นทำให้เกิดผนังด้านนอกของร่องลึกก้นสมุทร จากนั้นจะกดตัวลงไปเกิดการเอียงเทของร่องลึกก้นสมุทรด้านนอก การเอียงเทของร่องลึกก้นสมุทรด้านนอกทำให้เกิดชุดของรอยเลื่อนปรกติในแนวกึ่งขนานเกิดเป็นลักษณะขั้นบันไดทอดตัวลงจากพื้นสมุทรลงไปที่ร่องลึกก้นสมุทร ขอบเขตระหว่างแผ่นเปลือกโลกถูกกำหนดให้เป็นแนวกึ่งกลางของร่องลึกก้นสมุทร ใต้ผนังร่องลึกก้นสมุทรด้านในแผ่นเปลือกโลกทั้งสองจะเคลื่อนที่ครูดผ่านซึ่งกันและกันไปตามแนวมุดตัว ระดับพื้นท้องมหาสมุทรที่มาตัดผ่านถูกกำหนดให้เป็นตำแหน่งของร่องลึกก้นสมุทร แผ่นเปลือกโลกที่ขี่ทับอยู่ด้านบนประกอบด้วยหมู่เกาะรูปโค้ง (โดยทั่วไป) และส่วนด้านหน้าหมู่เกาะรูปโค้ง (forearc) หมู่เกาะรูปโค้งเกิดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพและเคมีระหว่างแผ่นเปลือกโลกที่มุดตัวลงไปที่ระดับความลึกกับฐานธรณีภาคและเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับแผ่นเปลือกโลกที่ขี่ทับอยู่ด้านบนด้วย ส่วนด้านหน้าหมู่เกาะรูปโค้งวางตัวอยู่ระหว่างหมู่เกาะรูปโค้งกับร่องลึกก้นสมุทร ส่วนด้านหน้าหมู่เกาะรูปโค้งมีการไหลเวียนของความร้อนจากภายในโลกต่ำที่สุดเนื่องจากไม่มีการไหลเวียนของเนื้อโลกในส่วนของฐานธรณีภาคระหว่างแผ่นธรณีภาคชั้นนอกบริเวณส่วนด้านหน้าหมู่เกาะรูปโค้งกับแผ่นเปลือกโลกที่กำลังมุดตัวในส่วนที่ยังคงเย็นตัวอยู่
             ผนังร่องลึกก้นสมุทรด้านในเป็นขอบของแผ่นเปลือกโลกที่กำลังขี่ทับอยู่และเป็นด้านนอกสุดของส่วนด้านหน้าหมู่เกาะรูปโค้ง ส่วนด้านหน้าหมู่เกาะรูปโค้งประกอบไปด้วยเปลือกโลกที่เป็นหินอัคนีและหินแปรและแผ่นเปลือกโลกนี้ทำตัวเป็นส่วนที่ยื่นค้ำออกไปของการตกตะกอนรูปลิ่มแบบปริซึม (accretionary prism) (ตะกอนที่ครูดออกจากแผ่นเปลือกโลกที่กำลังมุดตัวลงไปลงบนผนังของร่องลึกก้นสมุทรด้านในทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะมีตะกอนมากน้อยแค่ไหนที่จะตกเข้าไปในร่องลึกก้นสมุทร) ถ้าปริมาณตะกอนมีมากตะกอนจะถูกเคลื่อนย้ายถ่ายเทจากแผ่นเปลือกโลกที่กำลังมุดตัวลงไปไปที่แผ่นเปลือกโลกที่กำลังขี่ทับอยู่ด้านบน ในกรณีนี้การตกตะกอนรูปลิ่มแบบปริซึมจะมีการเติบโตและตำแหน่งของร่องลึกก้นสมุทรจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างก้าวหน้าจากแนวหมู่เกาะรูปโค้งตลอดอายุขัยของการเคลื่อนที่ลู่เข้าหากันของขอบเปลือกโลก การเคลื่อนที่ลู่เข้าหากันของขอบเปลือกโลกพร้อมกับการสะสมตัวของตะกอนรูปลิ่มแบบปริซึมจะเรียกว่าขอบของการลู่เข้าหากันที่มีการสะสมตัวของตะกอนรูปลิ่มแบบปริซึมและเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นเกือบครึ่งหนึ่งในบรรดาขอบของการลู่เข้าหากันทั้งหมด ถ้าปริมาณของตะกอนมีน้อยตะกอนจะถูกเคลื่อนย้ายจากแผ่นเปลือกโลกที่ขี่ทับอยู่ด้านบนไปยังแผ่นเปลือกโลกที่กำลังมุดตัวอยู่โดยกระบวนการละลายหายไปทางเทคโทนิกที่รู้จักกันว่าการกัดเซาะจากการมุดตัว (subduction erosion) และจะถูกตกลงไปในโซนมุดตัว ส่วนด้านหน้าหมู่เกาะรูปโค้งที่ประสบกับการกัดเซาะจากการมุดตัวปรกติจะมีหินอัคนีดันตัวขึ้นมา ในกรณีนี้ตำแหน่งของร่องลึกก้นสมุทรจะเคลื่อนไปทางด้านหน้าของแนวหินหนืดรูปโค้งตลอดอายุขัยของการเคลื่อนที่ลู่เข้าหากันของขอบเปลือกโลก ขอบการลู่เข้าหากันที่กำลังเกิดการกัดเซาะจากการมุดตัวจะเรียกว่าขอบของการลู่เข้ากันที่ไม่มีการตกสะสมตัวของตะกอนรูปลิ่มแบบปริซึมและจะเป็นรูปแบบนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งของขอบเขตแผ่นเปลือกโลกที่เคลื่อนที่ลู่เข้าหากัน นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆมากเพราะว่าส่วนที่แตกต่างกันของขอบของการลู่เข้าหากันสามารถประสบกับการพอกพูนของตะกอนและการกัดเซาะทำลายจากการมุดตัวตลอดอายุขัยของมัน
            ลักษณะภาคตัดขวางของร่องลึกก้นสมุทรที่ไม่สมมาตรแสดงให้เห็นความแตกต่างขั้นพื้นฐานในชนิดของวัตถุและวิวัฒนาการทางเทคโทนิก ผนังด้านนอกของร่องลึกก้นสมุทรและการพองตัวออกด้านนอกรวมไปถึงพื้นมหาสมุทรนั้นจะใช้ระยะเวลา 2 - 3 ล้านปีที่จะเคลื่อนที่จากที่การแปรสภาพอันเกิดจากการมุดตัวเริ่มต้นขึ้นที่ใกล้ๆกับการขยายตัวของร่องลึกก้นสมุทรด้านนอกไปจนกระทั่งจมลงไปในร่องลึกก้นสมุทร ในทางตรงกันข้ามผนังด้านในของร่องลึกก้นสมุทรจะถูกแปรสภาพโดยปฏิสัมพันธ์ของแผ่นเปลือกโลกตลอดช่วงเวลาของขอบเปลือกโลกที่เคลื่อนที่ลู่เข้าหากัน ส่วนด้านหน้าหมู่เกาะรูปโค้งจะมีสภาพขึ้นอยู่กับแผ่นดินไหวที่เกี่ยวข้องกับการมุดตัว การแปรสภาพด้วยการขยายตัวออกและการสั่นไหวนี้เกิดขึ้นโดยที่พื้นลาดเอียงของร่องลึกก้นสมุทรด้านในมีมุมลาดเอียงที่ทำให้มีการคงสภาพอยู่ได้ของวัตถุใดๆที่เป็นองค์ประกอบ เพราะว่ามันประกอบด้วยหินอัคนีแทนที่จะเป็นตะกอนที่แปรสภาพ ร่องลึกก้นสมุทรที่ไม่มีการพอกพูนของตะกอนจะมีผนังด้านในชันกว่าร่องลึกก้นสมุทรที่มีการพอกพูนของตะกอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น